ควรเปลี่ยนตะแกรงร่อนเมื่อใด? Navector สอนวิธีประเมินอย่างแม่นยำ
2025/11/24
ในการทำงานประจำวันของอุปกรณ์การร่อน ตะแกรงถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่กำหนดประสิทธิภาพการร่อน คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และอายุการใช้งานของอุปกรณ์โดยตรง เมื่อใดที่ตะแกรงเกิดความเสียหายหรือประสิทธิภาพลดลงแต่ไม่ได้เปลี่ยนทดแทนทันที อาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา เช่น กำลังการผลิตลดลง ความแม่นยำในการร่อนลดลง การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น หรือในกรณีร้ายแรงอาจเกิดการปะปนของวัสดุและการสั่นสะเทือนผิดปกติของเครื่องจักรได้

1. อันตรายจากการไม่เปลี่ยนตะแกรงให้ทันเวลา
-
ประสิทธิภาพการร่อนลดลง: เมื่อใช้ตะแกรงไปนาน ๆ ตะแกรงอาจสึกหรอ รูตะแกรงขยายใหญ่ขึ้นหรือผิดรูป ทำให้ความแม่นยำของการร่อนลดลง วัสดุที่ควรถูกดักหรือแยกอาจผ่านไปได้ ส่งผลให้ขนาดอนุภาคของผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานและกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตอย่างรุนแรง
-
อัตราการวนกลับเพิ่มขึ้นและสูญเสียกำลังการผลิต: ตะแกรงที่เสื่อมหรือเสียหายอาจทำให้วัสดุที่ไม่ผ่านมาตรฐานปะปนอยู่ในผลิตภัณฑ์ ทำให้อัตราการวนกลับสูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น อีกทั้งอาจต้องร่อนซ้ำหรือแทรกแซงด้วยแรงงานคนบ่อยขึ้นเพื่อรักษาปริมาณการผลิต
-
ความเสียหายทางกลของอุปกรณ์: ตะแกรงที่ชำรุดหรือหลวมอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ไม่สม่ำเสมอหรือการกระเด้งระหว่างการทำงาน เพิ่มระดับการสั่นของเครื่องจักร และในระยะยาวอาจทำให้โครงเครื่อง ชิ้นส่วนการสั่น และโครงสร้างรองรับสึกหรอเกินปกติ
-
ยากต่อการทำความสะอาดและเพิ่มค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: เมื่อใช้ตะแกรงเป็นเวลานาน รูตะแกรงอาจอุดตันด้วยวัสดุ หากตะแกรงเสื่อมสภาพและอุดตันบ่อยครั้ง นอกจากทำให้ประสิทธิภาพการร่อนลดลงแล้ว ยังต้องหยุดเครื่องเพื่อทำความสะอาดบ่อยขึ้น ซึ่งอาจเร่งให้ตะแกรงเสียหายเร็วขึ้น
-
ความเสี่ยงต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์: ในอุตสาหกรรมที่ต้องการขนาดอนุภาคแม่นยำมาก (เช่น ผงลิเธียม ผงโลหะสำหรับ 3D Printing ยา เคมีภัณฑ์ เป็นต้น) การเบี่ยงเบนของขนาดอนุภาคจากตะแกรงที่เสื่อมสภาพอาจทำให้ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ปลายทางลดลงและเกิดความเสี่ยงทางธุรกิจที่สูงขึ้น
2. การประเมินทางวิทยาศาสตร์: มิติที่ใช้ตัดสินว่าควรเปลี่ยนตะแกรงหรือไม่
เมื่อหยุดเครื่อง ให้ถอดตะแกรงออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด ดูว่ามีลวดขาด รูฉีก แตก ขอบบิดงอ หรือขอเกี่ยวหลุดหรือไม่ หากพบปัญหาเหล่านี้ แสดงว่าตะแกรงอาจไม่สามารถรองรับแรงในกระบวนการร่อนต่อไปได้
-
การติดตามประสิทธิภาพการร่อน
เปรียบเทียบตัวชี้วัดสำคัญก่อนและหลังการเปลี่ยนตะแกรง เช่น กำลังการผลิต การกระจายขนาดอนุภาค อัตราการวนกลับ และอัตราผ่านมาตรฐาน หากผลิตภัณฑ์หยาบขึ้น อัตราผ่านลดลง หรืออัตราวนกลับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน มีความเป็นไปได้สูงว่าตะแกรงสึกหรอหรือขนาดรูผิดปกติ
-
การประเมินความถี่ในการทำความสะอาด
บันทึกความถี่ในการทำความสะอาดตะแกรง หากต้องหยุดเครื่องทำความสะอาดบ่อยขึ้นเพราะรูอุดตันหรือมีการสะสมของวัสดุ อาจเป็นสัญญาณว่ารูตะแกรงเสียหาย ผิดรูป หรืออุดตันจนเกิดการเสื่อมสภาพขั้นรุนแรง
-
การตรวจสอบการสั่นและเสียง
ระหว่างการทำงาน ใช้อุปกรณ์ตรวจสอบการสั่นหรือประเมินด้วยประสบการณ์ หากเครื่องมีการสั่นแรงกว่าปกติ มีอาการกระเด้ง หรือมีเสียงเสียดสีโลหะผิดปกติ อาจเกิดจากตะแกรงหลวม โครงสร้างไม่เสถียร หรือประกบไม่สนิทกับตัวเครื่อง
-
การวัดความแม่นยำของรูตะแกรง
ใช้กล้องจุลทรรศน์ แว่นขยาย หรือเครื่องมือเฉพาะเพื่อตรวจสอบขนาดรู หากพบว่ารูมีขนาดใหญ่ขึ้น รูปทรงผิดปกติ หรือไม่สม่ำเสมอ ซึ่งทำให้ความแม่นยำการร่อนลดลง ควรเปลี่ยนตะแกรงทันที แม้ว่าจะยังไม่ปรากฏความเสียหายทางโครงสร้างก็ตาม
3. แนะนำเทคโนโลยีตะแกรงของ Navector
-
อุปกรณ์การร่อนที่หลากหลาย
Navector มีเครื่องร่อนหลายประเภท เช่น เครื่องร่อนระบบอัลตราโซนิก เครื่องร่อนแบบแกว่ง และเครื่องร่อนอนุภาคขนาดเล็กเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมลิเธียม เพื่อตอบโจทย์ตั้งแต่การคัดแยกระดับพื้นฐานจนถึงงานร่อนความแม่นยำสูง


-
ตะแกรงความละเอียดสูงและระบบทำความสะอาดขั้นสูง
บริษัทสามารถผลิตตะแกรงสเตนเลสคุณภาพสูงตามความต้องการของลูกค้า โดยสามารถทำรูตะแกรงที่ละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานคัดแยกแบบความแม่นยำสูง อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีทำความสะอาดหลายรูปแบบ เช่น ลูกบอลเด้งและระบบอัลตราโซนิก โดยเฉพาะระบบ UCS (Ultrasonic High Energy) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการร่อนและยืดอายุการใช้งานของตะแกรงผ่านการสั่นสะเทือนแบบอัลตราโซนิก
-
ความสามารถในการออกแบบตามสั่ง
Navector มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบตามวัสดุของลูกค้า เช่น การกระจายขนาด ความหนาแน่น การจับตัวเป็นก้อน หรือคุณสมบัติไฟฟ้าสถิต รวมถึงข้อกำหนดของสายการผลิต เพื่อออกแบบโครงสร้างตะแกรงและระบบการร่อนที่เหมาะสมที่สุด
-
บริการระดับสากลและการสนับสนุนทางเทคนิค
ตั้งแต่ปี 2005 Navector ได้สร้างเครือข่ายการขายและบริการในหลายประเทศและภูมิภาค นอกจากการจัดหาอุปกรณ์การร่อนแล้ว ยังมีบริการเปลี่ยนตะแกรง อะไหล่ และการบำรุงรักษาทางเทคนิคแบบครบวงจร เพื่อให้บริการที่มั่นคงและเชื่อถือได้ในระยะยาว
แม้ว่าตะแกรงจะเป็นเพียง “ชิ้นส่วนหนึ่ง” ของอุปกรณ์การร่อน แต่สภาพของมันกลับเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพ คุณภาพ และความน่าเชื่อถือของทั้งกระบวนการร่อน ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีการร่อนระดับสากล Navector ยึดหลัก “การสนับสนุนการดำเนินงานตลอดกระบวนการ” โดยให้บริการครบวงจรทั้งในด้านการออกแบบ การจัดหาอะไหล่ และการบำรุงรักษา ช่วยให้ธุรกิจลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มความต่อเนื่องในการผลิต